หน้าเว็บ

ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา

 วัตถุประสงคของดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาคือบันทึกภาพชั้นบรรยากาศโลกประจําวันเพื่อใหไดภาพตอเนื่องของบรรยากาศโลกและมีอุปกรณหยั่งวัดอุณหภูมิในชั้นบรรยากาศ เครื่องวัดการแผรังสีของโลก ตัวอยางดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา เชนดาวเทียม ATS (Application Technology Satellite) ปฏิบัติงานใน พ.ศ. 2513 ดาวเทียม SMS (SunsynchronousMeteorological Satellites) ปฏิบัติงานชวงปลายป พ.ศ. 2513 ดาวเทียมนี้จะเคลื่อนตัวอยูเหนือระดับ อิเควเตอร ในระดับความสูงประมาณ 36,000 กม. จะทําการบันทึกภาพพื้นโลก ในระหวาง 60 ํเหนือ และ 60 ํใตปจจุบันนี้มีดาวเทียม ที่กําลังปฏิบัติงานอยู คือ
GOES (Geostationary Operational Environmental Satellites) West &East ดาวเทียม NOAA
และ ดาวเทียม Meteosat

         1. วัตถุประสงค์และหลักการของดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา
1.1 วัตถุประสงค์ของดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา

    วิชาอุตุนิยมวิทยา คือ วิชาที่ว่าด้วยเรื่องราวของบรรยากาศ คือการศึกษา และติดตามบรรยากาศของโลกด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะรูปแบบการเกิดปรากฏการณ์ต่างๆของภูมิอากาศ ในฤดูกาลต่างๆ และสภาพลมฟ้าอากาศที่เกี่ยวข้องกับอุณหภูมิ เมฆ ฝน ลม พายุ
   1. เพื่อถ่ายภาพชั้นบรรยากาศของโลกเป็นประจำ
1.2 หลักการ รับ-ส่ง ข้อมูลระหว่างดาวเทียมกับสถานีภาคพื้นดิน
       2. ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาที่ประเทศไทยใช้
          ประเทศไทยได้เช่าใช้ดาวเทียมค้างฟ้า โคจรผ่านเส้นศูนย์สูตรปรากฏเสมือนอยู่นิ่งบนท้องฟ้า ดาวเทียม GMS-5 ของประเทศญี่ปุ่น โดยที่ดาวเทียมโคจรผ่านขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ NOAA-12 กับ NOAA-14 ของประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อใช้ในการพยากรณ์อากาศ ดาวเทียมจะตรวจวัดและถ่ายภาพเพื่อศึกษาปริมาณแสงจากดวงอาทิตย์และปริมาณคลื่นความร้อนจากสิ่งต่างๆบนพื้นโลก ถ่ายภาพสภาพของเมฆ สภาพความเปลี่ยนแปลงของอากาศเป็นประจำวัน ส่งภาพถ่ายมายังสถานีต่างๆบนโลก คอมพิวเตอร์จะตรวจวิเคราะห์ภาพถ่ายนั้นๆ ทำให้การพยากรณ์อากาศมีความถูกต้องแม่นยำ และทันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น มีประโยชน์อย่างยิ่งในการป้องกันและเตือนภัยพิบัติ ลดความสูญเสียที่เกิดจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เช่น การก่อตัวของพายุ น้ำท่วม ฯลฯ ประโยชน์ของดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา สรุปได้ดังนี้
1.)  ประโยชน์ด้านอุตุนิยมวิทยา









   วัตถุประสงค์ของดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา คือ ใช้ประโยชน์เพื่อการพยากรณ์อากาศ การรายงานสภาวะอากาศ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ภูมิอากาศ และลมฟ้าอากาศ การพยากรณ์อากาศนานาชาติด้วยระบบดาวเทียม กำหนดวัตถุประสงค์ไว้ 3 ประการ

   2. เพื่อให้ได้ภาพต่อเนื่องของบรรยากาศโลก ตลอดจนเพื่อเก็บและถ่ายทอดข้อมูลจากสถานีภาคพื้นดิน
   3. เพื่อทำการหยั่งตรวจอากาศของโลกเป็นประจำวัน

            ใช้หลักการเช่นเดียวกับดาวเทียมสื่อสาร แต่ระบบดาวเทียมอุตุนิยมวิทยานอกจากมีดาวเทียมค้างฟ้าอยู่สูง 35,789 กิโลเมตร ในแนวเส้นศูนย์สูตรแล้ว ยังมีดาวเทียมอยู่สูงจากผิวโลกประมาณ 800-900 กิโลเมตร โคจรรอบโลกเหนือ-ใต้ ถ่ายภาพช่วงคลื่นความร้อนและภาพที่ตามองเห็นได้
              การถ่ายภาพภาพชั้นบรรยากาศ การหยั่งตรวจอากาศนั้น อาศัยการทำงานของดาวเทียมก็คือทำหน้าที่สะท้อนปริมาณแสงสว่างดวงอาทิตย์ และคลื่นความร้อนจากสิ่งต่างๆบนพื้นโลก เช่น พื้นน้ำ พื้นดิน ต้นไม้ เมฆ ฝน โดยดาวเทียมจะแปลงปริมาณของแสงสว่าง และความร้อนเป็นสัญญาณคลื่นวิทยุ ความถี่สูง แล้วส่งสัญญาณนั้นกลับมายังสถานีรับภาคพื้นดิน เพื่อแปลและตีความภาพถ่าย รายละเอียดต่างๆที่ปรากฏบนหน้าจอถึงลักษณะองค์ประกอบที่ปรากฏในภาพนั้นบรรดาความเปลี่ยนแปลงต่างๆในบรรยากาศของโลก จะแสดงปรากฏในภาพถ่ายอย่างต่อเนื่องทำให้สามารถพยากรณ์สภาพบรรยากาศ คือภูมิอากาศและลมฟ้าอากาศแต่ละภูมิภาคได้ล่วงหน้า

  2.1 ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาชนิดค้างฟ้า ( Equatorial Orbit )



         มีวงโคจรอยู่ในตำแหน่งเส้นศูนย์สูตรของโลก โคจรรอบโลกใช้เวลา 23 ชั่วโมง 56 นาที เท่ากับระยะเวลาโลกหมุนรอบตัวเองครบ1 รอบพอดี ฉะนั้นดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาชนิดอยู่นิ่งเหนือผิวโลกจะเป็นดาวเทียมค้างฟ้าปรากฏอยู่ ณ ตำแหน่งบริเวณเดิมเสมอ  โดยปกติจะโคจรรอบโลกในแนวเส้นศูนย์สูตรอยู่เหนือผิวโลก 35,786 กิโลเมตร ดาวเทียมที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องโดยตรงกับประเทศไทยชื่อ GMS-5 มีชื่อเต็มว่า Geostationary Meteorological Satellite แปลว่า ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาอยู่คงที่เหนือโลก

        ดาวเทียมชนิดโคจรค้างฟ้ามีหลายดวง แต่ละดวงมีรัศมีตรวจสภาพบรรยากาศเหนือผิวโลกได้กว้างไกลถึง 1 ใน 3 ของผิวโลก ดาวเทียมชนิดนี้อยู่สูงจากผิวโลกมาก แต่ละประเทศซึ่งเป็นเจ้าของดาวเทียมที่ส่งขึ้นโคจรค้างฟ้าเหนือประเทศของตน จะสามารถศึกษาสภาพบรรยากาศได้ทุกประเทศที่ดาวเทียมนั้นรับคลื่นแสง คลื่นความร้อน จากผิวโลกได้โดยตรง


          2.2  ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาชนิดโคจรรอบโลกผ่านขั้วโลก (Polar Orbit)



        ดาวเทียมชนิดนี้โคจรผ่านขั้วโลกเหนือและใต้ โคจรผ่านผิวโลกตั้งฉากและเกือบตั้งฉากกับเส้นศูนย์สูตร และโคจรผ่านผิวโลกทุกๆจุด เพราะโลกหมุนรอบแกนตัวเองและโคจรสัมพันธ์กับดวงอาทิตย์ นั่นคือโคจรผ่านบริเวณเดิมในเวลาเดิมทุกวัน เช่น ดาวเทียม NOAA-12 มีความสูงจากพื้นโลกประมาณ 870 กิโลเมตร โดยโคจรรอบโลกวันละประมาณ 14 รอบ โคจรรอบโลก 1 รอบใช้เวลา 1 ชั่วโมง 42 นาที และเคลื่อนที่ผ่านเส้นศูนย์สูตรในเวลาเดิมและผ่านแนวเดิมวันละ 2 ครั้ง โดยโคจรเคลื่อนที่จากขั้วโลกเหนือไปยังขั้วโลกใต้ 1 ครั้ง และจากขั้วโลกใต้ไปยังขั้วโลกเหนือ 1 ครั้ง ดาวเทียมจะถ่ายภาพและส่งสัญญาณสู่ภาคพื้นดินในเวลาจริงขณะที่โคจรผ่านพื้นที่นั้นๆซึ่งมีความกว้างของภาพ 2,700 กิโลเมตร ดาวเทียมชนิดนี้ ได้แก่ NOAA-12, NOAA-14 ของสหรัฐอเมริกา, METEOR ของรัฐเซีย และFY-1 ของจีน
        ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาชนิดโคจรรอบโลกผ่านขั้วโลกจะโคจรในแนวเดิมเสมอ เมื่อดาวเทียมเคลื่อนที่ไปในแนวเหนือและใต้จะตรวจวัดและถ่ายภาพสภาพบรรยากาศผิวโลก ขณะที่โลกหมุนรอบตัวเองไปอยู่ใต้ดาวเทียมนั้น สำหรับประเทศไทยได้ใช้ดาวเทียม ชนิดโคจรผ่านขั้วโลกขององค์การบริหารบรรยากาศมหาสมุทรนานาชาติ (National Oceanic Atmospheric Admini stration ; NOAA)



        2.3 ประโยชน์ของดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา


   1.  ใช้ติดตามลักษณะอากาศในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง ตลอดวันสามารถทราบสภาพอากาศที่แท้จริง โดยเฉพาะลักษณะอากาศเลวร้าย เช่น การก่อตัวของพายุ การเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง การเกิดน้ำท่วม การเคลื่อนตัวและความแรงของพายุหมุนเขตร้อน เป็นต้น
    2.  ภาพคลื่นความร้อนจากสิ่งต่างๆบนพื้นโลกที่ถ่ายได้ สามารถใช้คำนวณความเร็ว ลมชั้นบนในระดับความสูงต่างๆ
    3.  ใช้หาอุณหภูมิและความชื้นของอากาศในแต่ละระดับความสูง
   4.  ภาพถ่ายสภาพของเมฆจากดาวเทียมใช้ติดตามการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง จำนวน และชนิดของเมฆ
   5.  จากการตรวจวัดตำแหน่งที่มีฝนตก สามารถใช้คำนวณหาปริมาณน้ำฝนโดยการคาดประมาณได้
   6.  เป็นแหล่งข้อมูลอุตุนิยมวิทยาที่ดาวเทียมตรวจวัดและรวบรวมไว้ สามารถตรวจข้อมูลอุตุนิยมวิทยาได้ในบริเวณที่ไม่มีสถานีตรวจอากาศภาคพื้นดินตั้งอยู่ เช่น เหนือมหาสมุทร ทะเล บนภูเขา บนเกาะ ในพื้นที่ทุรกันดาร เป็นต้น
   7.  เป็นแหล่งที่ให้ข้อมูลเพื่อการพยากรณ์อากาศอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ สามารถทราบได้อย่างรวดเร็วและให้ข้อมูลเป็นบริเวณกว้าง
   8.  ใช้ประกอบการวางแผนการคมนาคมทางอากาศ โดยเฉพาะในด้านการบิน เพื่อประโยชน์ในการหลีกเลี่ยงเส้นทางบินที่อาจเป็นอันตรายเนื่องมาจากลักษณะสภาพอากาศเลวร้ายตามเส้นทางบิน เช่น บริเวณที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองหรือบริเวณที่มีพายุหมุนเขตร้อน เป็นต้น
   9.  ใช้เตือนภัยและป้องกันภัยพิบัติจากสภาพลมฟ้าอากาศ ช่วยลดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน เช่น การเกิดพายุ น้ำท่วม รวมถึงฝนแล้ง ไฟป่า ฯลฯ
2.)  ประโยชน์ด้านอื่นๆ
   1.  ด้านการเกษตร โดยสามารถศึกษาระยะเริ่มต้นและสิ้นสุดฤดูกาลเพาะปลูก การเปรียบเทียบผลแต่ละฤดูและแต่ละปีได้ เพื่อที่จะศึกษาและแก้ปัญหาต่างๆ ทางด้านการเพาะปลูกเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้มากยิ่งขึ้น
   2.  ด้านการประมง โดยการศึกษาอุณหภูมิของน้ำทะเล การเคลื่อนตัวของน้ำทะเล เพื่อศึกษาหาแหล่งการชุมนุมของฝูงปลา
   3.  ด้านสิ่งแวดล้อม โดยการศึกษาการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของโอโซนในบรรยากาศ การแพร่กระจายของมลภาวะทางน้ำ และเถ้าถ่านของภูเขาไฟและกลุ่มควันจากไฟป่า
   4.  สามารถให้ข้อมูลของตำแหน่งที่เกิดไฟป่าในฤดูแล้ง
   5.  สามารถตรวจหาบริเวณที่เกิดอุทกภัยได้อย่างรวดเร็ว และทันต่อเหตุการณ์










ที่มา : http://203.172.198.146/kid_job/web_46/witkay/new_page8.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น