การแสดงสีของขอมูลดาวเทียมมีความสําคัญตอการแปลขอมูลดวยสายตามาก เนื่องจากตาของมนุษยสามารถจําแนกภาพสีไดมากกวาภาพสีเทา ดังนั้นการใชภาพสีจึงสามารถชวยในการเพิ่มรายละเอียดตาง ๆ ในภาพไดดีกวาสีขาวดํา การทําภาพผสมสี (Color composite)เพื่อสรางสีขึ้นมาใหมจากขอมูลหลายชวงคลื่น ซึ่งแยกออกไดอีก 2 วิธี (รูปที่ 6) คือ
- การทําภาพผสมสีบวก (Additive Primary Color) โดยทําใหแตละแบนดที่เปนสีขาว-ดํา กลายเปนสีบวก ใชแหลงกําเนิดแสง 3 สีคือ สีน้ําเงิน (Blue) สีเขียว (Green)และสีแดง (Red) เมื่อนํามาซอนทับกันทําใหไดภาพสีผสม ปรากฏสีตาง ๆซึ่งเปนไปตามทฤษฎีเชน ภาพที่ไดจากการแสดงผลหลายชวงคลื่นจอกราฟกสีการทําภาพผสมสีลบ (Subtractive Primary Color) สรางจากการผสมระหวางแมสี
- การทําภาพผสมสีลบ (Subtractive Primary Color) สรางจากการผสมระหวางแมสีสีน้ําเงินเขียว (Cyan) มวงแดง (Magenta) และเหลือง (Yellow) เชน การพิมพภาพสี เปนตน
การสรางภาพสีผสมเท็จ
ภาพสีผสมเท็จ ( False Color Composite) เปนการแสดงภาพโดยใชชวงคลื่นตั้งแต 3 ชวงมาซอนกันแลวใสสีลงบนแตละชวงคลื่น เชน ใชแบนดสีเขียวเปนสีน้ําเงิน ใชแบนดสีแดงเปนสีเขียว และใชแบนดอินฟราเรดใกลเปนสีแดง ผลที่ไดเปนภาพสีเท็จ พืชพรรณจะมีสีแดงซึ่งจะชวยทําใหผูแปลจําแนกวัตถุตางชนิดไดดีขึ้น รูปที่ 7 เป็น ตัวอยางการทําภาพผสมสีเท็จแบนด 3 5 4 (น้ําเงิน เขียว แดง หรือ BGR) ของดาวเทียมระบบ ETM บริเวณอําเภอจอมทองบันทึกภาพเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2543 รูปที่ 8 เปนการแปลความหมายดวยสายตาของสิ่งปกคลุมดินที่อยูบนภาพสีผสมเท็จ
การแปลความหมายภาพจากดาวเทียมด้วยสายตา
การแปลภาพ (Image Interpretation) เป็นวิธีการแปลความหมายจากข้อมูลภาพด้วยสายตาเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่ต้องการ เช่นลักษณะการใช้ที่ดิน การเลือกแปลภาพด้วยสายตาโดยทั่วไปแล้วมักจะเป็นข้อมูลที่อยู่ในลักษณะแผ่นภาพ หรือแผ่นฟิล์ม การจำแนกข้อมูลด้วยวิธีนี้มักจะประมวลและวิเคราะห์ข้อมูลที่ไดจ้ ากภาพถ่ายทางอากาศหรือภาพดาวเทียมเขา้ กับขอ้ มูลอื่น ๆ เช่น ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจภาคสนาม
ผู้ที่สามารถจะทำการแปลภาพได้ดีนั้นจะต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม เช่น มีพื้นความรู้ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องพอสมควร มีสภาพความคิดที่กว้างไกล สามารถที่จะประมวลเรื่องราวหลายอย่างเข้าด้วยกัน และมีความคิดพิจารณาอยู่เสมอ เพื่อที่จะนำไปสู่การตีความให้ดียิ่งขึ้นและ มีประสบการณ์ ในการแปลข้อมูลมาแล้วพอสมควรนอกจากคุณสมบัติของผู้แปลแล้วยังมีปัจจัยด้านอื่น ๆ ที่ควรจะนำมาพิจารณาร่วมด้วย คือ
- คุณภาพของข้อมูล เช่นควรเป็นภาพที่มีมาตราส่วนที่เหมาะสม ได้จากการเก็บบันทึกข้อมูลที่ดี ไม่มีความบกพร่องของระบบบันทึกข้อมูล
- ความพร้อมของอุปกรณ์ ซึ่งจะช่วยในการแปลข้อมูลภาพได้สะดวก รวดเร็ว และถูกต้องมากขึ้น เช่น เครื่องมองภาพสามมิติ (Stereoscope) ช่วยให้ผู้แปลสามารถมองเห็น ความสูงต่ำของวัตถุ หรือภูมิประเทศในภาพถ่ายทางอากาศ และเครื่องถ่ายทอดรายละเอียดจากแผ่นฟิล์มของข้อมูลภาพดาวเทียม (Image projector)ช่วยให้ผู้แปลสามารถดึงข้อมูลที่ต้องการออกมาจากภาพได้รวดเร็ว เป็นต้น
- ขั้นตอนในการแปลภาพ
การแปลภาพดาวเทียมอาจแบ่งออกได้เป็น 3 ขั้นตอนใหญ่ (สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (2540, หน้า 148) ดังนี้
- การอ่านข้อมูลภาพ เป็นขั้นตอนเบื้องต้นในการแปลภาพจากดาวเทียม เพื่อบ่งบอกสิ่งที่ปรากฏในภาพ โดยใช้ข้อมูลเกี่ยวกับ รูปร่าง ขนาด รูปแบบ ความเข้มความหยาบละเอียดสี (Texture) เงา และความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่อง (Association)กับวัตถุข้างเคียงหรือสภาพภูมิประเทศ
- การวัดปริมาณเชิงกายภาพ เช่น ความยาว แหล่งที่ตั้ง ความสูง อุณหภูมิ หรือ อื่น ๆโดยอาศัยข้อมูลอ้างอิง หรือข้อมูลที่ได้จากการเปรียบเทียบ
- การวิเคราะห์ภาพ เป็นการทำความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลที่ได้จากการแปลกับสถานการณ์จริง เป็นการตรวจสอบข้อมูลที่ได้จากการแปลให้มีความถูกต้องยิ่งขึ้น
ผลสุดท้ายก็คือการจัดทำแผนที่ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ แผนที่ที่ได้จากการแปลภาพนี้
เรียกว่า“แผนที่เฉพาะเรื่อง”
- คู่มือในการแปล
เนื่องจากผู้แปลภาพมีความแตกต่างกันในเรื่องความรู้เดิม ประสบการณ์ในการแปลและความเคยชิน อาจทำให้ผลการแปลภาพออกมาไม่ตรงกัน ดังนั้น จึงได้แสดงคู่มือมาตรฐานเพื่อเป็นหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการแยกแยะวัตถุตามหลักการอ่านข้อมูลภาพ เช่น ตารางที่ 3แสดงตัวอย่างคู่มือการแปลสิ่งปกคลุมดินจากภาพข้อมูลดาวเทียม LANDSAT
ที่มา : http://www.ee.eng.cmu.ac.th/~tharadol/teach/912706/geo_03.pdf
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น